ผลการวิจัยได้แสดงหลักฐานชิ้นใหม่ซึ่งบ่งบอกว่า การหัวเราะสามารถช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ในทางสังคมได้ อีกทั้งยังทำให้อารมณ์ของเราดีขึ้นและคลายความวิตกกังวลลงได้ ลองปฏิบัติตามวิธีเหล่านี้ดูสิคะ
- นึกถึงช่วงเวลาที่คุณเคยหัวเราะจนน้ำตาเล็ด จากนั้นพยายาม ‘ทำสัญลักษณ์’ ไว้ในใจเพื่อจดจำความรู้สึกนั้นไว้ ทุกครั้งที่คุณรู้สึกซึมเศร้าหรือเหนื่อยล้า ขอให้คุณหวนคิดถึงช่วงเวลานั้น หรือคุณอาจจะเก็บสมุดบันทึก ‘รวมเรื่องน่าขัน’ เอาไว้สักเล่ม ทุกครั้งที่คุณพบเจอคำพูดหรือเหตุการณ์ที่ตลกๆ (เช่น สิ่งที่ลูกๆ ของคุณทำ) ขอให้จดบันทึกเรื่องราวเหล่านั้นไว้ คุณอาจเพิ่มหมวดคำพูดชวนขำ หรือฉากน่าประทับใจจากภาพยนตร์ หรือเรื่องเล่าสุดตลกที่คุณโปรดปรานไว้ด้วยก็ได้ค่ะ เมื่อใดที่คุณรู้สึกซึมเศร้าและอยากจะหัวเราะขึ้นมา คุณก็สามารถหยิบเอามันมาอ่านได้ทุกเมื่อค่ะ
- แสร้งหัวเราะ ลองเริ่มจากการหัวเราะเสียงต่ำๆ จากนั้นเปลี่ยนเป็นเสียงสูง ลองดูสิคะ... ไม่มีใครแอบฟังหรอก แล้วคุณจะรู้สึกได้เลยว่าอารมณ์ของคุณจะเริ่มดีขึ้นมาในทันใด
- ไปเข้าร่วมกิจกรรมกลุ่ม ‘โยคะ’ หัวเราะ นายแพทย์ชาวอินเดีย ดร. มาดาน แคทาเรีย เป็นผู้ที่ก่อตั้งกลุ่มโยคะหัวเราะขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1995 โดยมีแนวความคิดคือ “แสร้งหัวเราะจนกว่าคุณจะหัวเราะออกมาได้จริงๆ” ด้วยการมารวมกลุ่มกันแล้วพากันหัวเราะโดยที่ไม่มีสาเหตุแต่อย่างใด นอกจากนี้กิจกรรมยังเกี่ยวข้องกับการจำลองสถานการณ์ของเหตุการณ์สำคัญต่างๆ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของความเครียดในชีวิต แล้วหัวเราะเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว
- ฝึกการยิ้ม… แม้ว่าคุณจะไม่ได้นึกอยากจะยิ้มก็ตาม นักจิตวิทยาสังคม ฟริทซ์ สแตรกค์ พบว่าผู้ที่ถูกบังคับให้ใช้กล้ามเนื้อสำหรับการยิ้ม (โดยการใช้ฟันคาบปากกาเอาไว้) จะให้คะแนนเกี่ยวกับการ์ตูนที่ตนเองอ่านว่าน่าขันกว่าผู้ที่มีริมฝีปากอยู่ในลักษณะบึ้งตึง (โดยการใช้ริมฝีปากคาบปากกาเอาไว้) ซึ่งเป็นการชี้แนะว่าการแสดงออกบนใบหน้าของคนเรานั้นอาจจะมีอิทธิพลต่ออารมณ์ของเราได้ในระดับหนึ่งค่ะ
- เดินย้อนรอยสู่ถนนสายอดีต หรือคุณอาจจะเรียกว่า ถนนสาย ‘นั่นเราจริงๆ หรือที่ใส่ชุดนั้น?!’ หรือ ‘นี่ฉันเคยออกเดทกับเขาจริงๆ หรือ?!’ ก็ได้ค่ะ นัดเพื่อนเก่าๆ มาสังสรรค์กันบ่อยๆ เชื่อได้เลยค่ะว่าพวกคุณจะต้องหัวเราะกันจนงอหายทุกครั้งไปเมื่อนึกถึงช่วงเวลาอันแสนสุขเหล่านั้น…
- เยี่ยมชมเว็บไซต์ Skype Laughter Chain ซึ่งเริ่มต้นจากแคมเปญการตลาดเพื่อโฆษณาการใช้บริการวิดีโอคอลล์ฟรีของ Skype-to-Skype ที่ได้รับความนิยมมากจนกลายเป็นรวมคลิปเสียงหัวเราะความยาวนานถึงสามชั่วโมง แคมเปญนี้เปิดตัวในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2008 โดยเริ่มจากภาพยนตร์สี่นาทีซึ่งแสดงภาพของคนแปดคนกำลังหัวเราะกันอย่างเมามัน และเชิญชวนให้ผู้ชมเปิดชมภาพยนตร์พร้อมกับใช้เว็บแคมถ่ายภาพตัวเองเอาไว้ด้วยในระหว่างที่ชม จากนั้นนำคลิปของตัวเองไปเพิ่มต่อเข้ากับภาพยนตร์เป็นลูกโซ่เสียงหัวเราะ เมื่อลูกโซ่นี้ปิดตัวลง (ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009) ได้มีคนจำนวน 11,000 คนจาก 77 ประเทศเข้าร่วมแบ่งปันเสียงหัวเราะของพวกเขา! ค่ะ
- ก้าวสู่ด้านมืด… ถ้าการเยาะเย้ยถากถางเป็นรูปแบบด้านลบมากที่สุดของการใช้ไหวพริบล่ะก็ การพูดจาเสียดสีก็ถือเป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ดีขึ้นมาหน่อย ลองอ่านผลงานของบุคคลเหล่านี้ดูนะคะ Oscar Wilde, Bernard Shaw, Terry Prachett, Dorothy Parker, Christopher Buckley และ P J O’Rourke
- เยี่ยมชมเว็บไซต์ Funny or Die (www.funnyordie.com) ภายในเว็บไซต์นี้จะมีพวกดารา นักแสดงตลก ผู้ใช้ทั่วไป และทีมงาน Funny or Die มาอัพโหลดวิดีโอคลิปและสารคดีขำขันต่างๆ ที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง
- นั่งมองดูผู้คน ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสวนสาธารณะ สนามบิน หรือนั่งอยู่ในรถโดยสาร ลองปลดปล่อยตัวเองอย่างอิสระแล้วสังเกตดูพฤติกรรมประหลาดๆ และความโง่เขลาของพวกเขาเหล่านั้นดูสิคะ
- เรียนรู้ที่จะหัวเราะเกี่ยวกับตัวเอง อารมณ์ขันจะช่วยทำให้เรายอมรับในความเป็นมนุษย์และข้อบกพร่องต่างๆ ของเราได้ค่ะ สิ่งที่จำเป็นต้องมีคือมุมมองที่อ่อนโยนและขี้เล่นเพื่อยอมรับสิ่งที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ปุถุชน แต่ว่ามันจะต้องไม่ทำให้เกิดผลร้ายกับคนอื่นหรือตัวคุณเองนะคะ มองชีวิตว่าเป็นเรื่องโรแมนติกคอเมดี้ที่น่าตลกขบขัน แทนที่จะเป็นละครดราม่าที่แสนเศร้า ยอมรับว่าในแต่ละสถานการณ์จะมีเรื่องที่น่าขำแทรกอยู่ด้วยเสมอ รวมถึงในเรื่องเพศและความสัมพันธ์ จากนั้นหัวเราะไปกับมันอย่างเต็มที่เลยค่ะ!
- หัวเราะกับคู่ครองของคุณ เสียงหัวเราะจะเปลี่ยนมุมมองของคุณและทำให้คุณเห็นสถานการณ์ในด้านที่ลบน้อยลงค่ะ ลองเปลี่ยนสถานการณ์ที่เครียดๆ ดูนะคะโดยการหัวเราะใส่มันก่อนที่มันจะทำให้คุณทั้งสองคนต้องรู้สึกหัวเสีย