'แกว่งแขน' ให้ถูกวิธี ทำได้ง่ายๆ
1.ยืนตรง เท้าสองข้างแยกออกจากกันให้มีระยะห่างเท่ากับหัวไหล่
2.ปล่อยมือทั้งสองข้างลงตามธรรมชาติ อย่าเกร็ง ใช้นิ้วมือชิดกัน หันอุ้งมือไปข้างหลัง
3.หดท้องน้อยเข้า เอวตั้งตรง เหยียดหลัง ผ่อนคลาย กระดูกลำคอ ศรีษะ และปาก ผ่อนคลายตามธรรมชาติ
4.จิกปลายนิ้วเท้ายึดเกาะพื้น ส้นเท้าออกแรงเหยียบลงพื้นให้แน่น ให้แรงจนกล้ามเนื้อโคนเท้า โคนขา และท้องตึงๆ เป็นใช้ได้
5.บั้นท้ายควรให้งอขึ้นเล็กน้อย ระหว่างบริหารต้องหดก้น หรือขมิบทวารหนัก คล้ายยกสูงให้หดเข้าไปในลำไส้
6.ตามองตรงไปจุดใดจุดหนึ่ง สลัดความคิดฟุ้งซ่าน กังวลออกให้หมด ทำสมาธิให้รู้สึกอยู่ที่เท้า
7.แกว่งแขนไปข้างหน้าเบาหน่อย ทำมุม 30 องศากับลำตัว แล้วแกว่งไปขหลังแรงหน่อยทำมุม 60 องศากับลำตัว จะทำให้เกิดแรงเหวี่ยง นับเป็น 1 ครั้ง โดยปล่อยน้ำหนักมือให้เหมือนลูกตุ้มแกว่งแขนไปมา โดยเริ่มจากทำวันละ 500 ถึง 1,000-2,000 ครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทั้งนี้ การบริหารแกว่งแขนแต่ละครั้ง ควรใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 10 นาทีต่อครั้ง และอย่างน้อยรวม 30 นาทีต่อวัน
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคง่ายๆ จาก สสส. ที่ได้เห็นถึงความสำคัญของกิจกรรมทางกาย เพื่อนำไปสู่การมีสุขภาวะที่ดีของคนไทยทั้งประเทศ โดยให้คำแนะนำว่าควรแกว่งแขนวันละประมาณ 30 นาที หรือ การเดินเร็ว 10 นาที แล้วพูดขณะที่เดินว่า 'มดตัวน้อยตัวนิด มดตัวน้อยตัวนิด มดมีฤิทธิ์น่าดู ยู้ฮู' หากพูดได้ดี หายใจปกติ แปลว่าสมรรถภาพทางร่างกายปกติ หากพอพูดได้ หายใจแรง แปลว่าสมรรถภาพทางร่างกายปกติ แต่หากพูดไม่ได้ หายใจหอบ แปลว่าสมรรถภาพทางร่างกายอ่อนแอ
ทราบอย่างนี้แล้ว ลองนำสายวัดมาวัดพุง โดยเส้นรอบพุงต้องไม่เกินส่วนสูงหารสอง หากเกินนั่นหมายถึง คุณเข้าข่าย ‘ภาวะอ้วนลงพุง’ ต้องปรับพฤติกรรมการกิน ลดทอดลดมันเพิ่มผักผลไม้ และเพิ่มกิจกรรมทางกายให้ไวๆ ก่อนที่โรคต่างๆ จะถามหา
ขอบคุณข้อมูลจากthaihealth
